วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

พวกลูฏ 2



จุดจบของความชั่วร้าย

ท่านอิบนุ อัลกัยยิม กล่าวว่า “อัลลอฮ์จะตัดสินลงโทษหมู่ชนใดที่กระทำความผิด เว้นเสียแต่ว่าพระองค์จะทรงชี้แจงให้พวกเขารู้ล่วงหน้า และจะเริ่มด้วยการแจังให้ทราบว่าผู้ทำดีจะได้รับสวรรค์ ส่วนผู้กระทำผิดผลตอบแทนคือนรก ท่านจะส่งรอซูลไปตักเตือนพวกเขาไม่ให้กระทำความผิดอีกต่อไป และแจ้งให้ทราบว่า พวกเขาจะได้รับโทษที่โหดร้าย... และในคำกล่าวของอัลลอฮ์ที่แสดงให้เห็นว่ามีตัวอย่างที่ดีเลิศสำหรับผู้ที่จะนำไปพิจารณา (ท่านทั้งหลายจะประกอบสิ่งที่ชั่วช้าน่ารังเกียจ ซึ่งไม่มีคนใดในหมู่ประชาชาติทั้งหลายได้ประกอบมันมาก่อนพวกเจ้ากระนั้นหรือ) ซูเราะ อัล อะรอฟ อายะห์ที่ 80 หลังจากนั้นก็จะย้อนคำตักเตือนดังกล่าว ในขณะที่พวกเขาขาดสติ เนื่องจากอารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกเขา (แท้จริงท่านจะสมสู่เพศชายด้วยตัณหาราคะอื่นจากเพศหญิง ยิ่งกว่านั้นพวกท่านยังเป็นพวกที่ละเมิดขอบเขตด้วย) ซูเราะ อัลอะรอฟ อายะห์ที่ 81 แต่ผู้ที่กระทำตามอารมณ์ตอบตามอารมณ์ของพวกเขาในขณะนั้นว่า (ท่านทั้งหลายจงขับไล่กลุ่มของนาบีลูฏออกไปจากเมืองของพวกท่านเสีย แท้จริงพวกเขาเป็นพวกที่บริสุทธิ์) ซูเราะ อันนัมล อายะห์ที่ 65 เมื่อเวลาที่เหมาะสมมาถึง อัลลอฮ์ได้ทรงแต่งตั้งมลาอีกะห์ที่ปรากฎในรูปของชายหนุ่มรูปงาม เกินกว่าชายใด ไปยังบ้านของลูฏ เพื่อแสดงให้เห็นถึงผลการทดสอบของพวกกลุ่มชนของลูฏให้เป็นที่ประจักษ์ พวกเขามาหานาบีลูฏในฐานะแขกของท่าน พวกเขามาหาท่านด้วยความปิติยินดี แต่ท่านนาบีลูฏ...(เขา (ลูฏ) เป็นทุกข์ต่อพวกเขา (มลาอีกะห์) และหนักใจในพวกเขา และกล่าวว่า นี่เป็นวันอันชั่วร้ายที่สุด) ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่ 77 ได้มีคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ได้ไปแจ้งข่าวแก่ชาวลูฏว่า มีชายหนุ่มรูปงามอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มาที่บ้านของลูฏ พวกเขาจึงส่งข่าวต่อๆ กันเรื่อยๆ ว่าพวกเขาจะไปล้อมบ้านของลูฏเพื่อจะมีเพศสัมพันธ์กับชายหนุ่มรูปงามดังกล่าว (และกลุ่มชนของเขาได้มาหาเขา พวกเขารีบร้อนมายังเขา และก่อนหน้านั้นพวกเขาเคยทำความชั่ว กลุ่มชนของฉันเอ๋ย เหล่านี้คือลูกสาวของฉัน พวกนางนั้นบริสุทธิ์สำหรับพวกท่าน ดังนั้น พวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด และอย่าทำให้ฉันขายหน้าแต่แขกของฉันเลย ไม่มีคนที่มีสติสัมปชัญญะในหมู่พวกท่านบ้างหรือ) ซูเราะฮูด อายะห์ที่ 78 แต่พวกเขากลับตอบท่านไปว่า (พวกเขากล่าวว่า โดยแน่นอน ท่านรู้ดีว่าเราไม่มีสิทธิ์ในลูกสาวของท่าน และแท้จริงท่านรู้ดีถึงสิ่งที่เราปราถนา) ซูเราะเดียวกัน อายะห์ที่ 79 ลูฏตอบต่อพวกเขาไปเนื่องจากหมดทางที่จะต่อสู้กับพวกเขาว่า (เขากล่าวว่า หากว่าฉันมีกำลังปราบพวกท่านหรือฉันหันไปพึ่งที่พักพิงอันแข็งแรง) อายะห์ที่ 80 เมื่อมลาอีกะห์เห็นว่าลูฏกำลังหนักใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้นกับกลุ่มชนของท่าน มลาอีกะห์จึงเปิดเผยความจริงโดยกล่าวว่า (พวกเขา (มลาอีกะห์) กล่าวว่า โอ้ลูฏเอ๋ย พวกเราเป็นทูตของพระเจ้าของท่าน พวกเหล่านั้นจะไม่ถึงท่านได้เลย) อายะห์ที่ 81 ท่านนาบีลูฏก็รู้สึกว่าปัญหานั้นได้เบาบางลง และพวกเขาก็กล่าวกับลูฏต่ออีกว่า (ดังนั้น ท่านจงเดินทางไปในเวลากลางคืนพร้อมกับครอบครัวของท่าน และคนใดในหมู่พวกท่านอย่าได้เหลียวหลังมอง เว้นแต่ภริยาของท่าน แท้จริงจะประสบแก่นางเช่นเดียวกับที่ได้ประสบกับพวกเขา แท้จริงสัญญาของพวกเขาคือเวลาเช้า เวลาเช้านั้นใกล้เข้ามาแล้วมิใช่หรือ) ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่ 81 เมื่อพวกเขาปฎิเสธคำกล่าวของลูฏ เว้นแต่พวกเขาจะได้มีเพศสัมพันธ์กับชายรูปงามที่เป็นแขกของท่านเท่านั้น และพวกเขาลืมแม้กระทั่งจะรักษาเกียรติของแขกที่มาเยี่ยมเยียนท่าน ญิบรีลจึงตีพวกเขาด้วยปีกของท่านเข้าที่ใบหน้าของพวกเขา ตาของพวกเขาบางคนหลุดออกมาและมองไม่เห็น พวกเขาจึงถอยออกไปจากบ้านของท่านแบบคนตาบอด และกล่าวว่า เจ้าจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันพรุ่งนี้ พวกบ้าเอ๋ย

เมื่อแสงของตอนเช้าเริ่มสาดส่อง มีเสียงเรียกจากพระเจ้าให้แผ่นดินสูบประชาชาติของลูฏ และให้บทเรียนแก่พวกเขาอย่างสาสม ญิบรีลได้ดึงแผ่นดินที่เป็นที่พำนักของพวกเขาด้วยปีกของท่าน และยกมันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า จนมลาอีกะห์ที่อยู่บนท้องฟ้าได้ยินเสียงหมาเห่า และไก่ขัน จากนั้นก็พลิกแผ่นดินจากบนเป็นล่างก่อนที่จะปล่อยมันลงมา และตามด้วยก้อนหินจากนรก ดังกุรอ่านระบุไว้ในซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่ 82-83 ความว่า (ดังนั้น เมื่อบัญชาของเราได้มาถึง เราได้ทำให้ข้างบนของมันเป็นข้างล่าง และเราได้ให้ก้อนหินแกร่งหล่นพรูลงมา ถูกตราเครื่องหมายไว้ ณ. ที่พระเจ้าของท่าน และมันไม่ไกลไปจากบรรดาผู้อธรรม)
ยังมีต่อ

วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

พวกลูฏ



อัลลอฮ์กล่าวในอัลกุรอ่าน ซูเราะห์ อันนัจญม อายะห์ที่ 53-55 ความว่า (และเมืองที่คว่ำลง (อัลมุตาฟิกะหฺ) พระองค์ทรงให้มันถล่มลง ฉะนั้นสิ่งที่ครอบคลุมมันก็ (คือการลงโทษ) ได้ครอบคลุมมัน ดังนั้น ความโปรดปรานของพระเจ้าของเจ้าอันใดเล่าที่เจ้ายังสงสัยอยู่)


กลุ่มชนลูฏอาศัยอยู่ในเมืองซัดดูม ซึ่งล้อมรอบไปด้วยเมืองต่างๆ ระหว่างเส้นทางไปยังเมืองชาม (ซีเรีย) สถานที่ที่เป็นทะเลตายในปัจจุบัน พวกเขาเป็นกลุ่มชนที่เลวทรามที่สุด เป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา เป็นโจรสลัดคอยดักปล้นพ่อค้าและกองคาราวานที่ใช้เส้นทางดังกล่าวในการเดินทาง พวกเขาเก่งกาจในเรื่องชั่วๆ เป็นผู้คิดค้นวิธีการต่างๆ ที่ไม่มีแบบแผนใดๆ มาจากบรรพบุรุษของพวกเขาก่อนหน้านี้ พวกเขามีเพศสัมพันธ์กับเพศชายด้วยกัน และเฉยเมยต่อผู้หญิงที่อัลลอฮ์สร้างขึ้นมาให้เป็นคู่กับผู้ชาย ท่านนาบีลูฏได้ชักชวนพวกเขาให้กราบไหว้อัลลอฮ์เพียงองค์เดียวเท่านั้น และทรงห้ามมิให้พวกเขากระทำในสิ่งชั่วร้ายอีกต่อไป แต่ไร้ผล พวกเขายังคงยึดมั่นอยู่บนการกระทำอันแสนชั่วร้ายนั้นต่อไป อัลลอฮ์ได้ลงโทษพวกเขา เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่บรรพชนรุ่นหลังสืบไป

อัลลอฮ์กล่าวว่า (จงรำลึกถึงลูฏ เมื่อเขากล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า พวกท่านกระทำการลามก ทั้งๆ ที่พวกท่านรู้เห็นอยู่กระนั้นหรือ แท้จริงพวกท่านสมสู่พวกผู้ชายด้วยตัณหาแทนพวกผู้หญิงกระนั้นหรือ ยิ่งกว่านั้นพวกท่านเป็นหมู่ชนที่โง่เขลา ดังนั้น คำตอบของหมู่ชนของเขาไม่เป็นอย่างอื่น นอกจากกล่าวว่า จงให้ตระกูลของลูฏออกจากหมู่บ้านของพวกท่าน แท้จริงพวกเขาเป็นหมู่ชนที่บริสุทธิ์) ซูเราะห์ อัลนัมล อายะห์ที่ 44-45

และอัลลอฮ์ทรงกล่าวในซูเราะห์ อัชชูอารออ์ อายะห์ที่ 160-167 ความว่า (หมู่ชนของลูฏได้ปฎิเสธบรรดารอซูล ขณะที่พี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือลูฏ ได้กล่าวแก่พวกเขาว่า โอ้พวกท่านไม่ยำเกรงบ้างหรือ แท้จริงฉันคือรอซูลผู้ซื่อสัตย์สำหรับพวกท่าน ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงต่ออัลลอฮ์ และเชื่อฟังฉัน และฉันไม่ได้ขอค่าตอบแทนในการนี้จากพวกท่าน ค่าตอบแทนของฉันมิได้มาจากผู้ใดนอกจากพระเจ้าแห่งสากลโลก พวกท่านเข้าหาผู้ชายในหมู่ผู้คนทั้งหลายกระนั้นหรือ และพวกท่านละทิ้งสิ่งที่พระเจ้าของพวกท่านทรงบังเกิดมาสำหรับพวกท่าน คือ ภรรยาของพวกท่าน แน่นอนพวกท่านเป็นหมู่ชนผู้ฝ่าฝืน พวกเขากล่าวว่า โอ้ลูฏเอ๋ย หากท่านไม่หยุดนิ่ง แน่นอนท่านเป็นผู้หนึ่งที่จะถูกให้ขับไล่ออกไป)

พวกเขากระทำการทุกอย่างที่ไม่ถูกต้อง ที่ชั่วร้าย และปฎิบัติในเรื่องที่ไม่อนุญาตให้เป็นเรื่องที่อนุญาต ทั้งหมดนั้นคือแนวทางที่พวกเขายึดถือปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มสาว คนชรา เด็ก และสตรีในหมู่พวกเขาก็ยึดปฏิบัติเช่นเดียวกัน

ท่านดอกเตอร์อับดุลหาลีม มะหมูด รอหีมะฮุลลอฮ์ กล่าวว่า “หลักการสำหรับพวกเขาคือ การทำชั่ว และเป็นเรื่องผิดปรกติที่จะพบเจอร่องรอยของความดีในหมู่พวกเขา”

ท่านอิบนุอับบาส กล่าวว่า “10 ประการที่เป็นการกระทำของพวกลูฏ ปล่อยผมให้ยาว ....เล่นแข่งขันนกพิราบ ...ดื่มเหล้าสม่ำเสมอ มีเพศสัมพันธ์กับเพศชายด้วยกัน และมีเพิ่มเติมในสมัยของประชาชาติในยุคปัจจุบันคือการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงด้วยกัน

มีรายงานว่า แท้จริงในชนกลุ่มลูฏ มีอยู่ 10 ประการที่ทำให้พวกเขาเสียหาย .....
มีรายงานว่า ส่วนหนึ่งที่เป็นการกระทำของกลุ่มชนลูฏ การละเล่น...การแข่งขันนกพิราบ .....

ฮาดิษต่างๆ ที่ห้ามการสมสู่ระหว่างชายกับชาย
1. จากท่านอับดุลเลาะ บินอัมร กล่าวว่า ท่านรอซูลกล่าวว่า “เจ็ดประการที่อัลลอฮ์จะไม่ยอมมองผู้ที่กระทำมันในวันกียามะห์ และไม่ให้เขาได้อยู่ร่วมกับคนทั่วไป แล้วให้เขาอยู่ในขุมนรก – เป็นคนแรกๆ ที่เข้านรก- เว้นแต่เขาได้เตาบัต ใครก็ตามที่เตาบัตสำนึกผิดในการกระทำที่ได้กระทำมา อัลลอฮ์จะรับการเตาบัตของพวกเขา คือ ผู้ที่แต่งงานด้วยมือตัวเอง ผู้ที่กระทำให้และผู้ที่ถูกกระทำ ผู้ที่ต้มเหล้า ผู้ที่ทำร้ายบิดามารดาจนถึงขนาดว่าบิดามารดาต้องขอความช่วยเหลือจากบุคคลอื่น ผู้ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงจนถูกมนุษย์ประณามและสาปแช่ง ผู้ที่แต่งงาน กับสามีของผู้ที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง”

2. ฮาดิษ อัลชารีฟ ระบุว่า “อัลลอฮ์ไม่มองผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน หรือกับสตรีทางทวารหนัก” รายงานโดยอัตตัรมีซี และอัลนาซาอี และอิบนุฮิบบาน

3.จากท่านญาบีร กล่าวว่า รอซูลกล่าวว่า “สิ่งที่ฉันตระหนกที่สุดว่าจะเกิดกับประชาชาติของฉัน คือ พฤติกรรมของพวกลูฏ”

4. จากอิบนิอับบาส กล่าวว่า รอซูล (ซ.ล.) กล่าวว่า “ถูกสาปแช่งผู้ที่ด่าทอบิดาของตนเอง ถูกสาปแช่งผู้ที่ด่าทอมารดาของตน ถูกสาปแช่งผู้ที่เชือดสัตว์ด้วยชื่ออื่นจากพระนามของพระองค์อัลลอฮ์ ถูกสาปแช่งผู้ที่เลื่อนเขตแดน(ที่ดิน) ถูกสาปแช่งผู้ที่หลอกคนตาบอดให้หลงทาง ถูกสาปแช่งผู้ที่มีพฤติกรรมเหมือนสัตว์ ถูกสาปแช่งผู้ที่ประพฤติเหมือนกับการกระทำของพวกลูฏ)

5. จากอิบนิอับบาส กล่าวว่า รอซูล (ซ.ล.) กล่าวว่า “ห้าประการด้วยห้าประการ พวกเขากล่าวว่า โอ้ท่านรอซูล อะไรคือห้าประการด้วยห้าประการ? รอซูล (ซ.ล.) ตอบว่า ไม่มีกลุ่มชนใดที่ผิดสัญญา เว้นแต่อัลลอฮ์จะให้ศัตรูมีชัยเหนือเขา และไม่มีการตัดสินด้วยสิ่งอื่นที่อัลลอฮ์ประทานมา เว้นแต่อัลลอฮ์จะให้พวกเขาประสบกับความยากจน และไม่มีความชัดเจนในการกระทำความผิดเว้นแต่อัลลอฮ์จะลงโทษพวกเขาด้วยโรคระบาด หมายถึง เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ไม่มีการโกงตาชั่ง เว้นแต่พวกเขาจะไม่ได้ผลผลิตและประสบกับความอดอยาก และไม่มีการไม่ยอมจ่ายซากาตเว้นแต่อัลลอฮ์จะไม่ประทานฝนให้แก่เขา”

6. จากท่านอิบนุอุมัร กล่าวว่า ท่านรอซูล (ซ.ล)หันหน้ามา แล้วกล่าวว่า “โอ ชาวมูฮาญีรีน ห้าประการที่พวกท่านรู้ และฉันขอปกป้องจากอัลลอฮ์ไม่ให้พวกท่านปฎิบัติมัน ความชั่วจะไม่ถูกกระทำอย่างเปิดเผยในหมู่ชนใดอย่างเด็ดขาดจนกระทั่งพวกเขาเปิดเผยมัน เว้นแต่อัลลอฮ์จะให้เกิดโรคระบาดและความหิวโหยที่ไม่เคยเกิดมาก่อนในบรรพบุรุษของพวกเขา และไม่มีการลดหย่อนในการชั่งตวงเว้นแต่พวกเขาจะถูกทนทุกข์ทรมาน และโดยปกครองด้วยผู้มีอำนาจ และไม่มีการละทิ้งการจ่ายซากาต เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะถูกห้ามจากการได้รับเม็ดฝนจากท้องฟ้า และหากไม่มีฝูงสัตว์อยู่รวมกับพวกเขา ฝนจะไม่ตกเลย และไม่มีการละเลยสัญญาต่ออัลลอฮ์และรอซูล เว้นเสียแต่ว่าอัลลอฮ์จะส่งศัตรูที่ไม่ใช่พวกเดียวกันกับพวกเขา และพวกเขาปล้นสะดมทรัพย์สมบัติบางส่วนของพวกท่านไป และไม่มีการละทิ้งการตัดสินปัญหาใดๆ โดยบรรดาผู้นำของพวกเขาด้วยกีตาบของอัลลอฮ์ เว้นแต่อัลลอฮ์จะให้ความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา”

7. ท่านมูญาฮีด (ร.ด) กล่าวว่า “หากมีคนกระทำเหมือนกับการกระทำของกลุ่มลูฏ จะล้างด้วยน้ำทุกหยดที่มีในแผ่นดิน และน้ำทุกหยดที่มีบนท้องฟ้า ก็ไม่สามารถชำระล้างนายิสได้”

8. ท่าน อัล ฮาซัน บิน ซิกวาน กล่าวว่า “พวกท่านอย่าได้นั่งร่วมกับลูกหลานของคนร่ำรวย แท้จริงแล้วพวกเขามีรูปเหมือนกับรูปชาวอุซเราะ พวกเขามีฟิตนะห์มากกว่าสตรีเสียอีก”

9. ท่านซุฟยาน อัล เซารี เข้าห้องน้ำ และมีเด็กชายคนหนึ่งหน้าตาดีเข้าห้องน้ำพร้อมกับท่าน ท่านกล่าวว่า “พวกเจ้าจงนำเด็กคนนี้ออกไปก่อน แท้จริงฉันเห็นพร้อมกับผู้หญิงทุกคนชัยตอนหนึ่งตัว และฉันเห็นพร้อมกับเด็กผู้ชายหน้าตาดีชัยตอนเป็นสิบตัว”

10. มีรายงานว่า เมื่อมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายกับชาย อัรช (ที่ประทับของพระองค์) สั่นคลอน เนื่องจากเกรงกลัวว่าพระองค์จะพิโรธ และแผ่นฟ้าเกือบๆ จะตกบนลงพื้นดิน มาลาอีกะห์จึงจับขอบๆ ของแผ่นฟ้าไว้ และอ่านซูเราะห์ อัลอิคลาส จนจบ และอ่านจนความพิโรธของพระองค์สงบลง

11. ท่านอับดุลเลาะ บิน มูบาร๊อค ได้ประกาศชัดเจนว่า “สำหรับเด็กผู้ชายที่ถูกลวนลามทางเพศ จะไม่จบสิ้น เว้นแต่ต้องประหารชีวิตผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับเขา”
ยังไมหมดน่ะตัวเทอ

วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

นัมรูด บิน กันอาน พระเจ้าที่ถูกตีด้วยรองเท้า 2



การตัดสิน

(พวกเขากล่าวว่า พวกท่านจงนำตัวเขามาท่ามกลางสายตาของประชาชน หวังว่าพวกเขาจะเป็นพยาน) ซูเราะห์ อัล อัมบียา อายะห์ที่ 61 หมายถึงว่า ท่ามกลางบรรดาผู้นำของพวกเขา หวังว่าพวกเขาจะเป็นพยาน และร่วมกันรับฟังคำพูดของอิบรอฮีมและช่วยกันตัดสินใจว่า จะลงโทษอิบรอฮีมอย่างไร ซึ่งการรวมคนครั้งใหญ่นี้ เป็นความต้องการของอิบรอฮีมอยู่แล้ว เนื่องจากท่านจะได้มีโอกาสชี้แจงให้พวกเขาเห็นว่า การกราบไหว้รูปปั้นนั้น เป็นการกระทำที่ไม่มีประโยชน์ เมื่อพวกเขาได้รวมตัวกันและนำตัวอิบรอฮีมมา ดังกุรอ่านระบุว่า (เจ้าเป็นผู้กระทำเช่นนี้กับพระเจ้าของเราหรืออิบรอฮีม เขาตอบว่า พระเจ้าตัวใหญ่นั้นเป็นผู้กระทำต่างหาก) ทั้งนี้มันไม่พอใจที่พวกท่านกราบไหว้รูปปั้นตัวอื่นร่วมกับมันด้วย (พวกท่านจงถามมันดูสิ หากมันพูดได้ )

(ดังนั้น พวกเขาจึงพิจารณาถึงตัวเอง แล้วกล่าวว่า แท้จริงพวกท่านนั้นแหละเป็นผู้อธรรม) ในเมื่อพวกเขาไม่สามารถพูดได้แล้ว ไฉนเลยพวกท่านจึงปล่อยปะละเลย ไม่เฝ้าดูแลรักษามันให้รอดพ้นจากเงื้อมมือผู้กระทำได้

อุซตาซ ซัยยิด กุตุบ กล่าวว่า เสมือนกับว่าคำพูดเยาะเย้ยของอิบรอฮีมครั้งนี้จะสร้างความสั่นคลอนให้พวกเขา และทำให้พวกเขามีความคิดและพิจารณามากขึ้น และเพียงแค่อึดใจเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นพวกเขาก็เข้ารูปเดิม จิตใจของพวกเขาแข็งกระด้างเหมือนเดิม (แล้วพวกเขาก็ก้มศีรษะลง และกล่าวว่า แท้จริงท่านก็ทราบว่ามันพูดไม่ได้)

ดังนั้นอิบรอฮีมจึงถามพวกเขาว่า (เขากล่าวว่า พวกท่านสักการะสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮ์ ทั้งที่ไม่สามารถให้คุณให้โทษแก่พวกเจ้าได้กระนั้นหรือ น่ารังเกียจสำหรับพวกท่าน และสิ่งที่ท่านสักการะอื่นจากอัลลอฮ์ พวกท่านไม่มีสติปัญญาดอกหรือ)

(พวกเขากล่าวว่า จงเผาเขาซะ และจงช่วยเหลือพระเจ้าของพวกท่าน หากพวกท่านจะกระทำเช่นนั้น เรา (อัลลอฮ์) กล่าวว่า ไฟเอ๋ย จงเย็น และทำให้อิบรอฮีมปลอดภัยด้วย) และในซูเราะห์ อัซซอฟาต อายะห์ที่ 97-98 ระบุว่า (พวกเขากล่าวว่า จงสร้างสถานที่แห่งหนึ่ง (เตาเผา) สำหรับเขา แล้วโยนเขาไปในไฟที่ลุกโชน ดังนั้น พวกขาต้องการวางแผนร้ายแก่เขา แต่เราได้ทำให้พวกเขาต่ำต้อย)

พวกเขาไม่สนใจที่จะรับฟังเหตุผล และไม่พิจารณาไตร่ตรองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงแม้การโต้เถียงของพวกเขาหมดสิ้นแล้วซึ่งเหตุผลที่จะสนับสนุนความยิ่งใหญ่ของพวกเขา พวกเขาไม่ได้รับการชี้แนะแนวทางที่ถูกต้อง หัวใจของพวกเขาปิดรับเหตุผลนั้น ในขณะที่ดวงตาของพวกเขาไม่สามารถมองเห็นถึงสัจจธรรมได้

หลังจากนั้น พวกเขาก็จัดการรวบรวมไม้เพื่อนำมาเป็นฟืนสำหรับการเผาอิบรอฮีม พวกเขารวบรวมให้ได้มากที่สุดเท่าที่พวกเขาจะหาได้ แม้กระทั่งสตรีที่ป่วยเป็นไข้ พวกเขาก็ยังบอกให้นางไปหาฟืน โดยพวกเขาบอกว่า นางจะหายจากการเจ็บป่วย หากนางไปหาฟืนมาเผาอิบรอฮีมผู้ซึ่งทำลายพระเจ้าของพวกเรา หลังจากนั้นพวกเขาก็ขุดหลุมขนาดใหญ่ และใส่ฟืนลงไปในหลุมนั้น แล้วจุดไฟกองโต มีเปลวไฟที่ลุกโชนอย่างที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน พวกเขาจับอิบรอฮีมใส่คันธนูยักษ์ คันธนูดังกล่าวชายคนหนึ่งที่ชื่อ “ไฮซัน” เป็นคนสร้างมันขึ้นมา และเขาเป็นคนแรกที่สร้างธนู อัลลอฮ์ลงโทษด้วยการให้แผ่นดินสูบเขาลงไปตราบจนถึงวันกียามะห์

เมื่ออิบรอฮีมถูกจับมัดมือมัดเท้าแล้วนำไปใส่ในธนูยักษ์ และพร้อมที่จะยิงไปให้ตกลงในกองไฟที่ลุกโชนนั้น อิบรอฮีมกล่าวว่า “อัลลอฮ์เป็นผู้ที่พอเพียงสำหรับเราแล้ว และท่านเป็นผู้ที่รับมอบหมายที่ดีเยี่ยม”ดังที่รายงานโดยท่านบุคอรีจากท่านอิบนิอับบาส กล่าวว่า นาบีอิบรอฮีมกล่าวว่า อัลลอฮ์เป็นผู้ที่พอเพียงสำหรับเราแล้ว และท่านเป็นผู้ที่รับมอบหมายที่ดีเยี่ยม” ในขณะที่ท่านกำลังถูกโยนลงไปในกองไฟ และท่านนาบีมูฮัมหมัดก็กล่าวด้วยคำพูดดังกล่าวเมื่อได้ยินกุรอ่านซูเราะห์ อาลอิมรอน อายะห์ที่ 173-174 ความว่า (บรรดาที่ผู้คนได้กล่าวแก่พวกเขาว่า แท้จริงมีผู้คนได้ชุมนุมสำหรับพวกท่าน ดังนั้น พวกท่านจงกลัวพวกเขาเถิด แล้วมันได้เพิ่มการอีมานแก่พวกเขา และพวกเขากล่าวว่า อัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ที่พอเพียงแก่เราแล้ว และเป็นผู้รับมอบหมายที่ดีเยี่ยม แล้วพวกเขาได้กลับมา พร้อมด้วยความกรุณาจากอัลลอฮ์ และความโปรดปรานโดยมิได้มีอันตรายใดๆ ประสบแก่พวกเขา...)

อิบนิฮาติม รายงานจากท่านอิบนิอับบาส กล่าวว่า เมื่อพวกเขาได้รวบรวมฟืนสำหรับเผาอิบรอฮีมได้เพียงพอแล้ว และโยนอิบรอฮีมลงในกองไฟ ทำให้คลังที่รองรับน้ำฝนกล่าวว่า เมื่อใดที่ฉันได้รับคำสั่งให้ปล่อยฝนลงไป ฉันก็จะทำ ดังนั้น คำสั่งของอัลลอฮ์รวดเร็วยิ่ง อัลลอฮ์รับสั่งว่า (ไฟเอ๋ย เจ้าจงเย็นและปลอดภัยสำหรับอิบรอฮีม) ไม่มีไฟหลงเหลือในหน้าแผ่นดิน เว้นแต่ดับไปทั้งสิ้น

อิบนิญารีร และอิบนุอาบีฮาติม จากท่าน อัลมันฮาล อิบนิอัมร กล่าวว่า มีคนเล่าเรื่องราวของอิบรอฮีมถูกโยนลงในกองไฟ ซึ่งท่านอยู่ในกองไฟนั้น ไม่ 40 ก็ 50 วัน ท่านกล่าวว่า “ไม่มีกลางวันหรือกลางคืนใดๆ ที่ดีสำหรับฉันเกินกว่าที่ฉันใช้ชีวิตอยู่ในกองไฟนั้น และการใช้ชีวิตของฉันทั้งหมดเหมือนกับการใช้ชีวิตที่อยู่ในกองไฟ”

จากท่านอาบีฮูรัยเราะห์ กล่าวว่า “ประโยคที่ดีที่สุด คือประโยคที่บิดาของอิบรอฮีมพูด ในขณะที่เขาเห็นลูกชายของเขาอยู่ในสถานการดังกล่าว “พระเจ้าที่ดียิ่ง คือพระเจ้าของเจ้า โอ้ อิบรอฮีมเอ๋ย”

การโต้แย้งของอิบรอฮีมและนัมรูด
ท่าน อัซซูดา กล่าวว่า การโต้เถียงครั้งนี้ ระหว่างอิบรอฮีมกับนัมรูด เกิดขึ้นในวันที่ท่านออกจากกองไฟ และในวันนั้นไม่มีการชุมนุม การโต้เถียงจึงเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง

อัลลอฮ์ กล่าวในซูเราะห์ อัลบากอเราะห์ อายะห์ที่ 258 ว่า (( เจ้า โอ้มูฮัมหมัด) มิได้มองดูผู้ที่โต้แย้งกับอิบรอฮีมในเรื่องของพระเจ้าดอกหรือ? เนื่องจากอัลลอฮ์ได้ทรงประทานอำนาจแก่เขา ขณะที่อิบรอฮีมกล่าวว่า พระเจ้าของฉันนั้นคือผู้ที่ทรงให้เป็นและให้ตายได้ เขา(นัมรูด)กล่าวว่า ข้าก็ให้เป็นและให้ตายได้ อิบรอฮีมกล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงนำดวงอาทิตย์มาจากทิศตะวันออก ท่านจงนำมันมาจากทิศตะวันตกเถิด แล้วผู้ปฎิเสธศรัทธานั้น ก็ได้รับความงงงวย และอัลลอฮ์นั้นจะไม่ทรงประทานแนวทางอันถูกต้องแก่ผู้อธรรมทั้งหลาย)

นัมรูดกล่าวว่า (ข้าก็ให้เป็นและให้ตายได้) หมายถึง เขาจะบอกว่า ฉันก็ทำได้เช่นเดียวกัน ฉันทำให้เป็นและให้ตาย ฉันทำให้เป็นคนที่ฉันต้องการจะฆ่าแต่ฉันไม่ฆ่า สำหรับฉันนั้นคือการทำให้เป็น และฉันก็ฆ่าคนอื่น สำหรับฉันมันก็คือการทำให้ตาย

ท่านอัช เชากานี กล่าวว่า อิบรอฮีมต้องการที่จะบอกนัมรูดว่า แท้จริงอัลลอฮ์คือผู้ทรงประทานความเป็นและความตายในเรือนร่างเดียวกัน แต่สำหรับนัมรูดแล้ว เขาหมายถึงว่า การให้อภัยโทษโดยการไม่ฆ่า ถือว่านั่นคือการให้เป็น และหากในทางกลับกัน เขาฆ่าใครสักคน ก็แสดงว่า นั่นคือการทำให้ตาย นี่คือ คำตอบของคนโง่เขลาที่ไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานในการโต้เถียงกับอิบรอฮีมได้ เนื่องจากความหมายที่แท้จริงแตกต่างจากที่นัมรูดคิด ซึ่งหากท่านอิบรอฮีม กล่าวว่า อัลลอฮ์ผู้ทรงประทานความเป็นและความตายในเรือนร่างเดียวกัน ท่านสามารถทำได้เช่นนั้นหรือไม่? แน่นอนเขาไม่สามารถให้คำตอบได้ และการโต้เถียงคงสิ้นสุดตั้งแต่เริ่มๆ แต่ท่านอิบรอฮีมก็เปลี่ยนเรื่องการโต้เถียงเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้เพื่อเป็นหลักฐานให้เขาได้ฉุกคิด และแสดงให้ผู้ที่พิจารณาได้พิจารณาต่อไป

อิบรอฮีม กล่าวในซูเราะห์เดียวกันว่า (แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงนำดวงอาทิตย์มาจากทิศตะวันออก ท่านจงนำมันมาจากทิศตะวันตกเถิด) เป็นหลักฐานที่ทำให้นัมรูดต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ไม่สามารถโต้เถียงต่อไปได้อีก

บทสรุปของผู้หยิ่งยะโส
ได้รายงานโดยท่านอับดุลรอซาก ท่านอิบนุล ญารีร ท่านอิบนุลมุนซีร ท่านอิบนุอาบีฮาติม อาบูอัลเชค ในหนังสือ อัลอุซมะ จากท่านเชคบินอัสลัม กล่าวว่า “ผู้ที่เริ่มๆ กดขี่ข่มเหงบนหน้าแผ่นดินคือ นัมรูด เมื่อฝูงชนของเขาได้ออกไปรับอาหารจากนัมรูด ซึ่งอิบรอฮีมก็ได้ออกไปรับอาหารในครั้งนั้นด้วย เมื่อฝูงชนเดินผ่านหน้านัมรูด เขาจะถามทีละคนว่า “ใครคือพระเจ้าของเจ้า?” ทุกคนก็ตอบว่า “ท่านนั่นแหละคือพระเจ้าของเรา” จนกระทั่งอิบรอฮีมเดินผ่านนัมรูด นัมรูดก็ถามเหมือนกับที่ถามคนอื่นๆว่า ใครคือพระเจ้าของเจ้า?” ท่านอิบรอฮีมจึงตอบว่า “ผู้ซึ่งสร้างความเป็นและความตาย” นัมรูดตอบว่า “ฉันก็ทำให้เป็นและให้ตายได้” ท่านตอบว่า “แท้จริงอัลลอฮ์ให้ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก ท่านจงทำให้มันขึ้นทางทิศตะวันตกสิ” สร้างความงงงวย และความขุ่นเคืองแก่นัมรูดเป็นอย่างมาก จึงไม่อนุญาตให้อิบรอฮีมรับอาหารไป อิบรอฮีมจึงกลับไปหาครอบครัว ในขณะที่ท่านเดินผ่านกองทรายสีเหลือง แล้วกล่าวกับตัวเองว่า หรือฉันจะเอาสิ่งนี้นำไปฝากครอบครัวของฉัน เขาก็เลยนำทรายใส่ภาชนะกลับไป และวางไว้ก่อนที่จะเข้านอน เมื่อเช้ามาภรรยาของท่านก็เปิดออกดู ก็เจออาหารที่ดีที่สุดซึ่งนางไม่เคยพบเห็นมาก่อน นางเลยจัดแจงอาหารและตระเตรียมสำรับไว้ให้อิบรอฮีม ซึ่งอิบรอฮีมเองก็รู้ดีว่า ท่านไม่ได้นำอาหารอะไรกลับมาให้พวกเขาเลย ท่านจึงถามภรรยาว่า “ท่านเอาอาหารเหล่านี้มาจากไหน” และนางก็ตอบว่า “ก็เป็นอาหารที่ท่านนำกลับมายังไงเล่า” ท่านอิบรอฮีมเลยรู้ว่า อาหารเหล่านี้เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงประทานให้ท่าน เขาจึงกล่าวสรรเสริญและขอบคุณพระองค์ หลังจากนั้น อัลลอฮ์ได้ส่งมลาอีกะห์ไปหากษัตรีย์ผู้กดขี่ดังกล่าว เพื่อเชิญชวนให้เขาศรัทธาในพระเจ้า สิ่งที่นัมรูดตอบกลับมาว่า “มีพระเจ้าอื่นนอกจากฉันอีกหรือ?” มลาอีกะห์ก็กลับไป และไปหาเขาอีกเป็นครั้งที่สองและสาม แต่คำตอบที่ได้รับคือเหมือนเดิม เขาปฏิเสธ มาลาอีกะห์ก็กล่าวกับเขาว่า ท่านจงรวบรวมไพร่พลของท่านภายในเวลา 3 วัน นัมรูดจึงรวบรวมกำลังพลของเขา อัลลอฮ์จึงรับสั่งให้มลาอีกะห์เปิดประตูของยุงเข้ามาในขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังส่องสว่าง พวกเขามองไม่เห็นแสงอาทิตย์ เนื่องจากฝูงยุงที่มากมายปิดบังแสงอาทิตย์หมด อัลลอฮ์ส่งพวกยุงมาเพื่อทำลายพวกเขา มันเข้าไปกัดกินเนื้อตัวของพวกเขา และดูดกินเลือดพวกเขาจนกระทั่งร่างกายของพวกเขาไม่มีอะไรหลงเหลือนอกจากโครงกระดูก แต่ตัวกษัตริย์ผู้กดขี่ยังไม่โดนฝูงยุงเข้าทำร้าย อัลลอฮ์ได้ส่งยุงเพียงตัวเดียวให้เข้าไปในโพรงจมูกของนัมรูด ทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานอยู่หลายสิบปี ด้วยการตีหัวตัวเองด้วยรองเท้า เนื่องจากความเจ็บปวดที่เขาได้รับจนทนไม่ไหว ในขณะที่ผู้พบเห็นการกระทำของเขาดังกล่าวก็รู้สึกเวทนา ทั้งนี้เนื่องจากเขากดขี่ข่มเหงผู้อื่นเป็นเวลาหลายสิบปี อัลลอฮ์ก็ลงโทษเขาให้ทนทุกข์ทรมานเป็นเวลาเท่ากัน และสุดท้ายอัลลอฮ์ก็ให้มาลาอีกะห์เอาชีวิตเขา ผู้ซึ่งเคยสร้างหอคอยสูงเสียดฟ้า และตั้งใจว่าจะขึ้นไปต่อสู้กับพระเจ้าของอิบรอฮีม

สัจจริงคำกล่าวของพระองค์ (แท้จริงบรรดาผู้ฝ่าฝืนอัลลอฮ์ และรอซูลของพระองค์ ชนเหล่านี้อยู่ในหมู่ผู้อัปยศอดสู) ซูเราะห์ อัลมูญาดาละห์ อายะห์ที่ 20 สำหรับผู้ที่พิเคราะห์พิจารณาถึงหน้าประวัติศาสตร์จะเห็นบทสุดท้ายของผู้หยิ่งยะโส ซึ่งจะเป็นบทเรียนและข้อเตือนใจ และแสดงให้เห็นว่าความยิ่งใหญ่นั้นเป็นกรรมสิทธิ์และสิทธิของพระองค์อัลลอฮ์เท่านั้น ผู้เป็นผู้ปกครองแต่เพียงพระองค์เดียว ดังกุรอ่านซูเราะห์ อัลญาซียะ อายะห์ที่ 36-37 ความว่า (ฉะนั้นมวลการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ์พระเจ้าแห่งชั้นฟ้า และพระเจ้าแห่งแผ่นดิน พระเจ้าแห่งสากลโลก ความยิ่งใหญ่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และในแผ่นดินนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์เท่านั้น และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ)