วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552

นัมรูด บิน กันอาน พระเจ้าที่ถูกตีด้วยรองเท้า


อัลลอฮ์ กล่าวว่า (ผู้ที่ปฏิเสธไม่มีข้อโต้แย้ง และอัลลอฮ์จะไม่ชี้แนะกลุ่มชนที่อธรรม)


ท่านอับดุลรอซัก และอิบนุญาบีร และอิบนุลมุนซีร อิบนุอาบีฮาติม อาบุชชิค ได้รายงานจากเซด บินอัสลัมว่า “ผู้ที่ริเริ่มปฏิเสธศรัทธาบนหน้าแผ่นดิน คือ นัมรูด”

ท่านมูญาฮิดและอุลามาอฺคนอื่นๆ ได้กล่าวว่า กษัตรีย์องค์หนึ่งซึ่งปกครองโลก จากทั้งหมด 4 องค์ ซึ่ง 2 องค์เป็นผู้มีอีหม่าน คือนาบีสุไลมาน และซุลก้อรนัยน ส่วน 2 องค์ที่เป็นกาเฟร คือนัมรูด และมุคตานัสซ๊อร อุลามะตัฟซีร กล่าวว่า กษัตรีย์องค์นี้มีชื่อว่า นัมรูด บิน กันอาน บินกูซ บินซาม บินนูห์ ปกครองเมืองบาบิล

ผู้หยิ่งยโสคนนี้ ปกครองประชาชนด้วยกฎเหล็กและไฟ เขาบูชารูปเจว็ด และบังคับให้ประชาชนกราบไหว้เขา โดยยกตัวเองเป็นพระเจ้า

คืนหนึ่งขณะที่นัมรูดกำลังนอนหลับ เขาฝันเห็นดาวดวงหนึ่งลอยเด่นขึ้นไปบนท้องฟ้า ดาวดวงนั้นมีแสงจรัสจ้า แสงของมันสามารถบดบังแสงของดวงอาทิตย์ได้อย่างสิ้นเชิง จนไม่สามารถมองเห็นแสงอาทิตย์อีกเลย เขาตื่นตระหนกจากความฝันดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงให้โหรหลวงอธิบายความฝันของเขา พวกโหรหลวงกล่าวว่า จะมีเด็กคนหนึ่งเกิดในทิศเดียวกับท่าน จะมาทำลายท่าน เมื่อได้ยินดังนั้น นัมรูดจึงรับสั่งให้สังหารเด็กชายที่เกิดในปีนั้น ในทิศเดียวกับเขา

มารดาของท่านนาบีอิบรอฮีมตั้งท้อง และเมื่อถึงกำหนดคลอด นางรู้สึกเจ็บท้อง นางจึงวิ่งหนีและคลอดนาบีอิบรอฮีมในแม่น้ำที่แห้งขอด และสามีของนางได้นำนาบีอิบรอฮีมไปซ่อนไว้ในห้องใต้ดิน และให้น้ำให้อาหารทีละน้อย มารดาของท่านเลี้ยงดูท่านอย่างเร่งรีบ จนท่านนาบีมีอายุ 1 ขวบ แต่ท่านตัวใหญ่และดูเหมือนเด็กอายุ 3 ขวบ เมื่อมารดานำตัวท่านออกจากที่ซ่อน คนทั้งหลายที่พบเห็น ก็คิดว่าท่านนาบีมีอายุหลายปีแล้ว ท่านจึงปลอดภัยจากการถูกตามล่า

หนังสือตัฟซีรกุรตุบี กล่าวว่า อิบรอฮีมได้ถามแม่ว่า ใครคือผู้เลี้ยงดูฉัน มารดาของท่านตอบว่า ฉันเองเป็นผู้เลี้ยงดูเจ้า แล้วใครกันเล่าที่เป็นผู้เลี้ยงดูท่าน? นางตอบว่า ก็บิดาของเจ้าเป็นผู้เลี้ยงดูแม่ แล้วใครกันเล่าที่เป็นผู้เลี้ยงดูพ่อ? นางตอบว่า นัมรูด แล้วใครคือผู้เลี้ยงดูนัมรูดละ? นางประสานมือด้วยความฉงน และมั่นใจว่า อิบรอฮีมคือคนที่จะเขย่าบัลลังก์ของนัมรูด ตั้งแต่บัดนั้นมา

อัลกุรอ่านได้ระบุว่าอิบรอฮีม คือผู้ได้รับทางนำตั้งแต่ยังเยาว์วัย ดังความหมายของกุรอ่านในซูเราะห์ อัลอัมบียาอ์ อายะห์ที่ 51 ว่า (แท้จริงเราได้ประทานทางนำให้กับอิบรอฮีม ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรอซูล และเรารู้เป็นอย่างดี)

ท่านเชากานี กล่าวว่า อัลฟัรรออฺ กล่าวว่า ความหมายของคำว่า “เราได้ประทานทางนำให้กับอิบรอฮีม ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรอซูล” หมายถึง เราได้ให้เขาพิจารณาเห็น และยึดเป็นแนวทาง

อิบรอฮีมเริ่มเผชิญหน้ากับกลุ่มชนของท่าน ด้วยการนำความจริง และชี้แจงให้พวกเขาเห็นว่า ไม่มีพระเจ้าที่สมควรแก่การกราบไหว้อื่นใดนอกจากพระองค์ ไม่มีการปฏิเสธและการตั้งภาคีกับพระองค์ ซึ่งอัลกุรอ่านได้ระบุไว้ ดังนี้

1. การโต้เถียงของอิบรอฮีมกับบิดาของท่าน
อัลลอฮ์กล่าวว่า (เมื่อเขาพูดกับบิดาของเขาว่า โอ้บิดาของฉัน ทำไมท่านจึงกราบไหว้สิ่งซึ่งไม่สามารถได้ยิน ไม่สามารถมองเห็น และไม่สามารถทำประโยชน์อะไรให้ท่านได้ โอ้บิดาของฉันแท้จริงอัลลอฮ์ได้ประทานความรู้แก่ฉันในสิ่งที่ท่านไม่รู้ ดังนั้นท่านจงเชื่อฉัน ฉันจะนำท่านสู่หนทางที่ถูกต้อง โอ้บิดาของฉัน อย่ากราบไหว้ชัยตอน แท้จริงชัยตอนคือผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮ์ โอ้บิดาของฉัน แท้จริงฉันเกรงกลัวว่า ท่านจะได้รับการลงโทษจากพระองค์ ดังนั้นท่านจะอยู่ร่วมกับชัยตอน บิดาของท่านกล่าวว่า เจ้าปฏิเสธพระเจ้าของฉันหรือ โอ้อิบรอฮีม หากเจ้าไม่หยุด ฉันจะขว้างเจ้าด้วยก้อนหิน ดังนั้นจงหลีกห่างจากฉันอย่างปลอดภัย (ก่อนที่ฉันจะลงโทษเจ้า) อิบรอฮีมกล่าวว่า ความสันติสุขเกิดแด่ท่าน ฉันจะขออภัยโทษจากพระเจ้าให้แก่ท่าน แท้จริงท่านเป็นผู้ทรงเมตตายิ่ง และฉันจะปลีกตัวออกห่างจากพวกท่าน และสิ่งที่พวกท่านกราบไหว้อื่นจากพระองค์ และฉันจะขอพรจากพระเจ้า และฉันหวังว่าการขอพรของฉันจะไม่เป็นการตั้งภาคีกับพระองค์) ซูเราะห์ มัรยัม อายะห์ที่ 41-48

2. การโต้เถียงระหว่างอิบรอฮีมกับกลุ่มชนของเขา
(และแน่นอนเราได้ให้ความเฉลียวฉลาดแก่อิบรอฮีมแต่ครั้งก่อน (ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้ง) โดยที่เรารู้จักเขาดี ขณะที่เขากล่าวแก่บิดาของเขาและกลุ่มชนของเขาว่า รูปปั้นอะไรกันนี่ที่พวกท่านเฝ้าบูชากัน พวกเขากล่าวว่า บรรพบุรุษของเราสักการะมันมาก่อน เขากล่าวว่า แท้จริงพวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่านอยู่ในการหลงผิดอย่างชัดเจน พวกเขากล่าวว่า ท่านได้ความจริงมาเสนอแก่เราหรือท่านเป็นเพียงพวกล้อเล่น เขากล่าวว่า แต่แท้จริงพระเจ้าที่แท้จริงของพวกท่านคือ พระเจ้าผู้ทรงเนรมิตชั้นฟ้าและแผ่นดิน และฉันก็เป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้ที่เป็นพยานต่อเหตุการณ์นี้ และขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮ์ แท้จริงฉันวางแผนต่อต้านรูปปั้นทั้งหลายของพวกท่าน หลังจากพวกท่านผินหลังกลับออกไป ดังนั้น เขาได้ทำลายมัน เหลือไว้เพียงรูปปั้นตัวใหญ่ หวังว่าพวกเขาจะกลับไปจะได้กลับไปสอบถามมัน พวกเขากล่าวว่า ใครกระทำเช่นนี้กับพระเจ้าของเรา แท้จริงเขาผู้นั้นเป็นผู้อธรรม เขากล่าวว่าเราได้ยินเด็กหนุ่มคนหนึ่งกล่าวตำหนิรูปปั้นเหล่านี้ เขามีชื่อว่า อิบรอฮีม พวกเขากล่าวว่า จงนำตัวเขามา ท่ามกลางสายตาของประชาชน เผื่อพวกเขาจะได้เป็นพยาน พวกเขากล่าวว่า เจ้าเป็นผู้กระทำเช่นนี้กับพระเจ้าของเราหรืออิบรอฮีม เขาตอบว่า พระเจ้าตัวใหญ่นั้น เป็นผู้กระทำต่างหาก พวกท่านจงถามมันดูสิ หากมันพูดได้ ดังนั้น พวกเขาจึงพิจารณาถึงตัวเอง แล้วกล่าวว่า แท้จริงพวกท่านนั้นแหละเป็นผู้อธรรม แล้วพวกเขาก็ก้มศีรษะลง และกล่าวว่า แท้จริงท่านก็ทราบว่ามันพูดไม่ได้ เขากล่าวว่า พวกท่านสักการะสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮ์ ทั้งที่ไม่สามารถให้คุณให้โทษแก่พวกเจ้าได้กระนั้นหรือ น่ารังเกียจสำหรับพวกท่าน และสิ่งที่ท่านสักการะอื่นจากอัลลอฮ์ พวกท่านไม่มีสติปัญญาดอกหรือ พวกเขากล่าวว่า จงเผาเขาซะ และจงช่วยเหลือพระเจ้าของพวกท่าน หากพวกท่านจะกระทำเช่นนั้น เรา (อัลลอฮ์) กล่าวว่า ไฟเอ๋ย จงเย็น และทำให้อิบรอฮีมปลอดภัยด้วย และพวกเขาต้องการทำลายอิบรอฮีม (เขา) แต่เราได้ทำให้พวกเขาประสบกับความสูญเสียยิ่งกว่า) ซูเราะห์อัลอัมบียาอ์ อายะห์ที่ 51-70

พวกเขาจะมีวันเฉลิมฉลองที่พวกเขาจะต้องเข้าร่วมในทุกๆ ปี บิดาของท่านนาบีอิบรอฮีม ก็ชักชวนให้ท่านอิบรอฮีมไปร่วมงานดังกล่าวด้วย ท่านนาบีตอบว่า ฉันไม่สบาย ทั้งนี้เนื่องจากท่านต้องการให้บิดาได้ออกไปร่วมเฉลิมฉลองกับกลุ่มชนของพวกเขา ซึ่งจะมีเพียงท่านนาบีเพียงคนเดียวที่ไม่ได้เข้าร่วมงานดังกล่าว และเปิดโอกาสให้ท่านได้ไปทำลายรูปปั้นในขณะที่พวกเขาไม่อยู่ เมื่อพวกเขาออกไปร่วมงานเฉลิมฉลอง ท่านนาบีอิบรอฮีมก็ดำเนินการตามแผนการของท่านที่วางไว้ เมื่อท่านออกไปเห็นรูปปั้น ท่านก็พบว่าเป็นบริเวณที่มีเนื้อที่กว้างขวางใหญ่โต มีรูปปั้นน้อยใหญ่วางเรียงรายกันอยู่ มีอาหารที่พวกเขานำมาสักการบูชาวางไว้ข้างหน้ารูปปั้นต่างๆ เหล่านั้น ท่านถามรูปปั้นเหล่านั้นเพื่อเยาะเย้ยว่า “พวกเจ้ากินไม่ได้หรือ? แล้วทำไมพวกเจ้าถึงไม่พูด? ท่านจึงทุบตีทำลายพวกมันอย่างรุนแรง” ทั้งนี้เนื่องจากท่านเป็นคนแข็งแรง รูปปั้นเหล่านั้นจึงพังทลาย ดังคำกล่าวของอัลลอฮ์ (ดังนั้นเขาทำให้พวกมันพินาศ ยกเว้นตัวใหญ่ของพวกมัน หวังว่าพวกเขาจะได้กลับไปสอบถามมัน) ท่านนาบีอิบรอฮีมนำขวานที่ใช้ตีรูปปั้นเหล่านั้นไปวางไว้ในมือของรูปปั้นตัวใหญ่ที่เหลือ ซึ่งท่านต้องการที่จะแสดงให้เห็นว่า รูปปั้นตัวใหญ่ไม่พอใจที่มีคนมาสักการะรูปปั้นตัวอื่นๆ พร้อมกับตัวมันเอง มันจึงทำลายรูปปั้นอื่นๆ ทั้งหมด เมื่อพวกเขากลับจากงานฉลอง พวกเขาต้องตกตะลึงเมื่อเห็นพระเจ้าของพวกเขาถูกทำลาย (พวกเขากล่าวว่า ใครกระทำเช่นนี้กับพระเจ้าของเรา แท้จริงเขาผู้นั้นเป็นผู้อธรรม) ซึ่งนี่เป็นเหตุผลอันชัดเจนสำหรับพวกเขา ซึ่งหากพระเจ้าเหล่านั้นของพวกเขามีสติปัญญาและความยิ่งใหญ่จริงๆ พวกมันก็สามารถที่จะปกป้องตัวเองจากการทำร้ายของผู้อื่นได้ (เขากล่าวว่าเราได้ยินเด็กหนุ่มคนหนึ่งกล่าวตำหนิรูปปั้นเหล่านี้ เขามีชื่อว่า อิบรอฮีม) พวกเขาหมายถึงนาบีอิบรอฮีมคือผู้ทำลายรูปปั้นเหล่านั้น
ยังมีต่อ ตอนสอง

ไม่มีความคิดเห็น: